ปีใหม่แล้ว ใครหลายคนอาจต้องการหาช่องทางในการลงทุนใหม่ ๆ หรืออยากจะเริ่มลงทุนกับเขาบ้าง เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางการเงิน เหมือนช่วงพิษเศรษฐกิจจากโรคระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา ที่ทำให้เราต้องหันมาใส่ใจกับการออมเงินเพื่อใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน ที่อาจเกิดขึ้นอีกเมื่อไรก็ได้ในอนาคต
แต่การการออมเงินด้วยการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนรายใหม่ หรือผู้ลงทุนเดิมแต่ต้องการหาแหล่งลงทุนใหม่ ๆ ควรจะต้องมีความรู้ด้านการเงิน โดยการศึกษาการเงิน เพื่อให้มีทักษะกรเงินพื้นฐาน และมีเทคนิคในการลงทุนด้วย ทำให้การออมเงินเป็นไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุดจนล้มคะมำและน็อคไปเสียก่อน วันนี้เรามี 5 ทักษะการเงินที่ ซึ่งเป็นเทคนิคการลงทุนที่นักลงทุนทั้งหลายควรมี เพื่อใช้ในการต่อยอดในการเลือกลงทุนได้อย่างเหมาะสม และเพื่อเป็นแนวทางในการเพิ่มพูนความมั่นคงในทางการเงิน

ทักษะการเงิน และความหมายของการเงินคืออะไร
การเงิน คือ ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ด้านการเงิน และการตัดสินใจทางการเงินในทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียน ซึ่ง ทักษะ หมายความว่าสามารถฝึกกันได้ ดังนั้น ทักษะการเงิน จึงเป็นการศึกษาและฝึกฝนเพื่อการจัดสรรการเงินให้เป็นระบบ และสุขภาพทางเงินของเราก็แข็งแรง มีเงินหมุนเวียนแม้ในช่วงยามจำเป็น
5 ทักษะการเงิน มีอะไรบ้าง

1.ทักษะการออม
ทักษะการออม ข้อแรกที่สามารถฝึกฝนได้ง่ายที่สุด เพราะเรามีการถูกปลูกฝังให้ออมเงินกันตั้งแต่เด็ก เมื่อกลับจากโรงเรียน เงินเหลือเท่าไรก็ให้หยอดกระปุก และเมื่อเติบโตเข้าสู่วัยทำงาน การออมเงินนั้นสามารถทำได้ 2 รูปแบบ คือ ออมก่อนจ่าย คือ เมื่อได้รับเงินเดือนก็แบ่งจำนวนเงินส่วนหนึ่งเก็บเข้าบัญชีก่อนที่จำนำส่วนที่เหลืออื่น ๆ ไปใช้จ่ายตามความเหมาะสม หรือ ออมใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็นต่าง ๆ ก่อนแล้วเหลือเท่าไร จึงเก็บออมไว้ แต่..การออมที่สำเร็จส่วนใหญ่ คือ การออมก่อนจ่าย เพราะจะช่วยให้เราแบ่งสัดส่วนการออมได้อย่างชัดเจน และยังเป็นการฝึกวินัยการออมไปในตัว
ข้อคิด : เงินก้อนแรกที่ควรเก็บออมไว้ คือ กองทุนเงินเผื่อฉุกเฉิน โดยจะเลือกเป็นเงินฝากประจำ เงินฝากออกทรัพย์ หรือลงทุนในกองทุนตราสารตลาดเงินที่มีสภาพคล่อง เพื่อไว้เป็นเงินสำรองในกรณีที่ขาดรายได้ หรือในภาวะจำเป็น เช่น เมื่อตกงาน เกิดอุบัติเหตุ โรคภัยไข้เจ็บ หรือเศรษฐกิจชะลอตัว เป็นต้น

2. ทักษะลดค่าใช้จ่าย วางแผนภาษีให้เป็น
ทักษะลดค่าใช้จ่ายจะยากหรือง่าย มักจะขึ้นอยู่กับวิถีการใช้ชีวิตของแต่ละคน เพราะความต้องการและความจำเป็นของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป ทักษะลดค่าใช้จ่ายในตรงนี้จึงหมายถึง การแยกให้ได้ระหว่าง ความจำเป็น กับ ความต้องการ (need / want) สิ่งจำเป็นที่ต้องใช้อยู่ประจำ หรือ สิ่งที่เพียงแค่สนองความอยาก ซึ่งการฝึกทักษะนี้จะรวมไปถึงการยับยั้งชั่งใจในต่อการใช้จ่ายในกิจวัตรประจำวัน และส่วนอื่น ๆ จนกลายเป็นภาครวมตลอดปี
การจ่ายภาษี เป็นหน้าที่ของผู้มีรายได้ทุกคน ซึ่งจะต้องทำการจ่ายภาษีทุกปี ดังนั้น หากรู้จักวางแผนจ่ายภาษีให้เป็น รู้ข้อกำหนดและสิทธิ์ต่าง ๆ จากการลดหย่อนภาษี จะช่วยให้เราสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีตามกฏหมายได้ นับว่าเป็นทักษะลดค่าใช้จ่ายได้ด้วยเช่นกัน เช่น การยื่นลดหย่อนกรณีเลี้ยงดูบุพการี กรณีแยกยื่นหรือมีคู่สมรส กรณีได้รับดอกเบี้ยและเงินปันผลจากการลงทุน เป็นต้น
ข้อคิด : จำกัดงบประมาณในการใช้จ่าย ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย และเริ่มลงทุนในประเภทจองตราสารทางการเงินบางอย่างที่สามารถนำมาเป็นค่าลดหย่อน เพื่อช่วยลดในส่วนภาษีได้ รวมถึงแหล่งเงินลงทุนที่สำคัญสำหรับใช้หลังเกษียณได้ เช่น กองทุนรวม SSF RMF หรือ ประกันชีวิต (ระยะเวลา 10 ปี )

3. ทักษะการหารายได้ เริ่มสร้าง Passive Income
ทักษะในข้อนี้นับว่าเป็นอีกข้อสำคัญในชีวิต เพราะฝึกฝนและมีไว้จะไม่อดตายแน่นอน แต่การเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ให้มากกว่า 1 ช่องทาง ก็เป็นสิ่งจำเป็นของคนในยุคนี้เช่นกัน เพราะสามารถสร้างความมมั่งคั่งและอิสระภาพทางการเงินได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานพาร์ทไทม์ การเป็นฟรีแลนซ์รับงานมาทำที่บ้าน การเป็นตัวแทนขาย ขายของออนไลน์ รับสอนหนังสือหรือบรรยาย การทำ content ขาย (เช่น การเขียน blog ถ่ายภาพ หรือเสนอขายเหล่า Youtuber) หรือการสร้าง Passive Income ด้วยการลงทุนกองทุนต่าง ๆ ที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ เช่น การลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว
ข้อคิด : รายได้ที่เหมาะสมสำหรับคนในเมืองปัจจุบัน ควรจะอยู่ที่ประมาณ อายุ x 1,000 บาท เช่น อายุ 30-35 ปี ควรมีรายได้ 30,000 บาท / เดือน จึงจะนับว่าดำรงชีพได้อย่างไม่เดือดร้อนนัก ส่วนเคล็ดลับคือ การสร้างฐานเงินลงทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ และนำเงินปันผลหรือเงินตอบแทนมาลงทุนต่อ

4. ทักษะการลงทุน
ทักษะการลงทุน เป็นการนำสินทรัพย์ที่มีอยู่มาทำให้มีมูลค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยหลักของการลงทุน คือ การนำเงินที่เราเก็บสะสม หรือนำเงินคนอื่นแบบมีเงื่อนไขไปสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการออม ซึ่งผลตอบแทนที่ได้มากกว่าค่าใช้จ่าย จึงจะถือว่าเป็นการสร้างความอิสระภาพทางการเงิน จากการลงทุนแบบให้เงินทำงานอย่างเดียว โดยไม่เกี่ยวกับรายได้จากการทำงาน
กองทุนรวมคืออะไร? กองทุนรวม คือ การลงทุนในรูปแบบหนึ่งที่สามารถต่อยอดความมั่งคั่งทางการเงินให้กับเราได้ และยังเป็นการลงทุนที่นับว่าสะดวกสบายที่สุดให้กับนักลงทุนทุกประเภท โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ รวมไปถึงนักลงทุนมืออาชีพที่ไม่มีเวลาติดตามพอร์ตหุ้น นอกจากนี้ กองทุนรวมยังเป็นการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง เนื่องจากเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ และสะดวกสุด ๆ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลบริหารกองทุนแทนเรา
ข้อคิด : ควรหาและเลือกลงทุนกับกองทุนรวมที่กระจายไปในทุกสินทรัพย์ครบทั้งในประเทศและต่างประเทศ และให้ใช้กองทุนนี้เป็นกองทุนหลัก หรือ Cor Portfolio

5. ทักษะวางแผนการเงิน เปิดรับโอกาสการลงทุนต่างประเทศ
การวางแผนการเงิน คือ การบริหารจัดการการเงินของเราให้สอดคล้องกันในทุกด้าน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินของเรา ตามเป้าหมายที่ต่างกันไปของแต่ละคน ซึ่งย่อมจะมีความแตกต่างกันไป ดังนั้น การวางแผนการเงินของแต่ละคนก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน อย่างการลงทุนต่างประเทศ ก็นับว่าเป็นช่องทางในการสร้างโอกาสสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับเรา และยังถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงจากสาวะเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
ข้อคิด : ควรศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ ของสินทรัพย์ที่สนใจให้ดี และควรติดตามข่าวสารสภาวะเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ประกอบการลงทุน เพื่อเลือกกองทุนที่มีความเสี่ยงและมูลค่าเหมาะสมกับเรามากที่สุด