หุ่นยนต์ขายกาแฟ หรือ ตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติ ที่สร้างปรากฏการณ์ในกลุ่มคนเมือง จนต้องเข้าแถวยาวเหยียด เพื่อรอใช้บริการนวัตกรรมใหม่ ที่ทำหน้าที่ได้ใกล้เคียงกับคนจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นแคชเชียร์อัตโนมัติ ตู้เก็บค่าที่จอดรถในห้างสรรพสินค้า ที่เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว สามารถทำงานได้ดีไม่ต่างไปจากการทำงานของพนักงานที่เป็นมนุษย์ หรือแม้แต่การกำจัดขยะที่เป็นตัวช่วยทุ่นแรงงานคนไปได้อย่างมากและสามารถทำได้เองที่บ้าน
ระบบอัตโนมัติ ที่มีการทำงานของระบบจาก AI กำลังจะมีอิทธิพลในหลายๆด้านของโลกเข้าไปทุกที แต่ถึงแม้ว่าการนำ AI มาใช้งาน จะไม่ใช่เรื่องใหม่แล้วในปัจจุบัน แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นและจะมีผลอย่างไรต่อโลกของเราในอนาคต หากผู้บริโภคยอมรับและมีการตอบสนองในการใช้งานระบบหุ่นยนต์มากกว่าระบบแมนนวลอย่างแรงงานคน?

เมื่อกระแสอัตโนมัติหรือระบบกลไกต่าง ๆ ที่มีการพัฒนาประสิทธิภาพควบคู่ไปกับเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของคนยุคดิจิทัล มีแนวโน้มที่กำลังจะครองอิทธิพลในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางธุรกิจ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สังคมอย่างการสื่อสารทางโลกออนไลน์ หรือทางการแพทย์ และด้านสุขภาพ เช่น การใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงระหว่างคนสู่คนในช่วงสถานการณ์โรคระบาด จึงปฏิเสธได้ยากว่า ระบบอัตโนมัติ จะมีส่วนที่เชื่อมโยงกับชีวิตของมนุษย์มากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
สัญญาณที่กำลังจะบ่งบอกว่า Mega Trends จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งน่าจับตามองโดยเฉพาะในด้านธุรกิจ ตั้งแต่ช่วงปี 2022 – 2025 โดยเทรนด์หลักที่จะส่งผลต่อทิศทางธุรกิจ ที่อาจมีโอกาสได้เห็นภายในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งไม่น่าเกิน ปี 2025 ที่ผู้ประกอบการและนักธุรกิจทั้งหลายควรเตรียมตัวที่จะเรียนรู้ เพื่อความพร้อมในการรับมือ สำหรับพลิกโอกาสให้เป็นผู้นำเทรนด์ทางการตลาด ไม่ถูกสลัดตกหลังม้า หรือปล่อยให้คู่แข่งแซงหน้าเพราะตามเทรนด์ไม่ทัน เทคโนโลยีเมกะเทรนด์สุดล้ำที่น่าจับตามอง และไม่ควรพลาดการติดตามข่าวสาร ได้แก่

1.Automation
ระบบอัตโนมัติ หรือ Automation คือ ระบบควบคุมที่สามารถทำงานได้เอง โดยผ่านการวางโปรแกรมไว้ เพื่อช่วยในการสั่งงาน รับงาน กำหนดงานต่างๆ ให้เป็นไปตามระบบอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด หากกล่าวง่ายๆก็คือ การนำเครื่องจักรหรือเทคโนโลยีมาทำงานแทนคนนั่นเอง
Oxford, McKinsey รวมไปถึงบริษัทอื่นๆ ได้มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2025 อาจเป็นยุคของเทรนด์ AI (Artificial Intelligence) ที่ผสมผสานกับการทำงานของมนุษย์ เรียกว่า “hybrid AI” และมีแนวโน้มว่าในบางสายงานอาจถูกแทนที่ด้วยระบบ AI ทั้งหมด อาจทำให้สายงานบางอาชีพ และงานกว่าหลายล้านตำแหน่งหายไปภายในปี 2030 แต่ก็อาจมีอาชีพใหม่ๆสำหรับมนุษย์เกิดขึ้นเช่นกัน

2. Metaverse
เมทาเวิร์ส คือ เทคโนโลยีที่ให้ความเสมือนจริง ที่เรียกสั้นๆกันว่า VR (Virtual Reality) ที่มักใช้ในการเล่นเกม แต่จะพัฒนานำมาใช้ในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การออกไปสังสรรค์กับเพื่อน การออกไปช้อปปิ้ง ดูหนัง ฟังเพลง การซื้อของสะสมในรูปแบบ NFT (Non-Fungible Token) ตลอดไปจนถึงการโต้ตอบกับผู้ใช้เป็นอวาตาร์ดิจิทัลสำหรับการบริการ การซื้อ-ขาย การรับพนักงาน และการสื่อสารทางธุรกิจอื่นๆ โดยมีร่างอวตาร์แบบ 3 มิติ อย่างที่เราเคยดูในภาพยนต์ที่เกี่ยวกับโลกอนาคต

3. ระบบ 5G
จากการขยายและเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด จากยุค 2G , 3G , 4G และกำลังก้าวย่างสู่ยุค 5G จนอาจไปถึง 6G และการใช้ Internet ผ่านระบบดาวเทียมในอนาคตอันใกล้นี้ ประสิทธิภาพที่มีมากขึ้น ของระบบ 5G จะทำให้การเชื่อมต่อผ่าน loT (Internet of Things) ได้มากขึ้นด้วย เช่น การผ่าตัดจากระยะไกลแบบข้ามประเทศ รถยนต์ระบบไร้คนขับ การนำไปใช้ในงาน AR และ VR ในกิจกรรมต่างๆ หรือการใช้หุ่นยนต์ในโรงงานแทนคน เป็นต้น แต่สิ่งเหล่านี้จะมีการพัฒนาและขยายได้มากแค่ไหน ก็จะต้องขึ้นอยู่กับเงินทุนและการสนับสนุนของรัฐบาลควบคู่ไปด้วย

4. Blockchain
เทคโนโลยีบล็อกเชน กำลังคืบคลานเข้าสู่เศรษฐกิจและระบบธุรกิจมากขึ้น ทั้งในภาคอุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์ การดูแลสุขภาพ เป็นต้น ได้มีการนำบล็อกเชนมาใช้ประโยชน์ในธุรกิจอย่างแพร่หลาย โดยมีสกุลเงินดิจิทัล “คริปโทเคอร์เรนซี” ที่เติบโตควบคู่ไปด้วย หลังจากได้รับการยอมรับในการชำระเงินด้วย Bitcoin จากบริษัทและองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งด้วยกัน นั่นจึงเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า เทรนด์บล็อกเชนจะมีอิทธิพลไปอีกหลายปีเลยทีเดียว แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวบทกฏหมายของแต่ละประเทศในการควบคุมดูแลระบบนี้ด้วย

5. Robot
หุ่นยนต์ หรือ ระบบปัญญาประดิษฐ์ AI ถูกนำมาใช้ในระบบอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น ซึ่งเราเห็นได้อย่างชัดเจนในปัจจุบัน เพราะระบบ AI จะช่วยให้งานมีประสิทธิภาพและสามารถแก้ไขในส่วนที่คนไม่สามารถทำได้ อีกทั้งยังช่วยทำงานที่อาจเสี่ยงต่อชีวิตมนุษย์ และยังทำให้มนุษย์ได้ทำงานน้อยลง เหนื่อยน้อยลง แต่นั่นก็ต้องเป็นการใช้หุ่นยนต์ที่ผ่านขั้น MVP (Minimum Viable Product) ที่เป็นขั้นต้นของการใช้งานไปแล้ว
คาดว่าอีกไม่นานเราคงได้เห็นหุ่นยนต์ปะปนในชีวิตของมนุษย์มากขึ้น ทั้งในรูปแบบของหุ่นประจำบ้าน หุ่นพนักงานในโรงแรม หุ่นพนักงานในร้านบริการต่างๆ ในสำนักงาน โรงเรียน ร้านค้า ทุกๆแห่งในโลกใบนี้ จนบางครั้ง เราอาจแยกไม่ออกระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์ก็เป็นได้ ทำให้นึกถึงภาพยนต์ อย่าง I , ROBOT (2004) และ เมกะเทรนด์ (Mega Trends) ทำให้อดนึกถึง เมกะทรอน (Megatron) จากภาพยนต์ Transformers ไม่ได้ ไม่แน่นะ โลกมนุษย์ในอนาคตอันใกล้นี้ อาจเป็นเหมือนอย่างในหนังก็ได้ คุณคิดอย่างนั้นไหม?