ใครที่เริ่มสนใจหรือมองหาการลงทุนเพื่ออนาคต แต่ไม่รู้ว่าจะลงทุนกับกองทุนไหนดี เพราะไม่เคยทำมาก่อน เราจะมาพาทำความรู้จักกับกองทุนปันผลในตลาดหุ้นหรือธีมที่นับว่าแข็งแกร่ง น่าสนใจที่จะลงทุน โดยจะเลือกลงทุนรายตัวหรือจัดเป็นพอร์ตให้กระจายตัวดี
หุ้นปันผลกับกองทุนปันผลต่างกันอย่างไร

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าระหว่าง หุ้นปันผลคืออะไร และกองทุนปันผลคืออะไร จะได้รู้ว่าเหมือนหรือต่างกัน หุ้นปันผล เป็นหุ้นประเภทหนึ่งที่นักลงทุนต้องการจะมีเก็บไว้อยู่ในพอร์ตลงทุน เพื่อให้ได้เงินปันผลส่วนนี้เป็นรายได้เสริม หรืออาจกลายเป็นรายได้หลักหลังจากที่เกษียณไปแล้ว แต่บางคนอาจต้องการมีหุ้นปันผลเพื่อลดความเสี่ยง ในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน หรือจะทำพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ กองทุนปันผล คือ กองทุนที่นำกำไรที่ได้จากการลงทุนมาแจกจ่ายปันผลให้กับนักลงทุนนั่นเอง โดยปัจจุบันบริษัทจะนิยมจ่ายเงินปันผล 2 แบบ ด้วยกัน คือ
1. จ่ายเป็นเงินสด หรือ Cash Dividend คือรูปแบบที่บริษัทส่วนใหญ่นิยมกันมาก โดยมีเงินปันผลที่ได้มาจากกำไรสะสมของบริษัท โดยจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานปกติ ข้อดี คือ นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผล โดยที่การลงทุนจะยังดำเนินต่อไป ส่วนข้อเสีย คือ เงินปันผลที่ได้อาจไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก เนื่องจากมีการหักภาษีเงินปันผล 10%
2. จ่ายเป็นหุ้น หรือ Equity Stock Dividend คือ การเพิ่มทุนเป็นหุ้นสามัญ แล้วจึงจะนำมาจ่ายปันผล โดยกำหนดจ่ายตามอัตราส่วนที่กำหนด เช่น จ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นปันผลในอัตราส่วน 10 : 1 คือ ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้รับหุ้นปันผล 1 หุ้น ในทุก ๆ หุ้นเดิมที่ถืออยู่จำนวน 10 หุ้น หากถือหุ้นสามัญ 1,000 หุ้น จะได้รับหุ้นปันผล 100 หุ้น และถ้าถือหุ้นสามัญ 10,000 หุ้น จะได้รับหุ้นปันผล 1,000 หุ้น เป็นต้น
โดยปกติหุ้นปันผลจะมีอัตราเงินปันผลหรือ Dividend Yield โดยคำนวณมาจากเงินปันผลต่อหุ้น / ราคา แต่ในส่วนกองทุนปันผลจะบอกเพียงกองทุนปันผลคิดเป็นกี่บาท / หน่วย ในแต่ละครั้ง ทำให้นักลงทุนไม่สามารถรู้ได้ว่า Dividend เป็นเท่าไร
แล้วจะรู้ Dividend Yield ได้อย่างไร ?
วิธีการคาดการ Dividend Yield คือ นำส่วนปันผลรวมย้อนหลัง ( 3 , 4 , 5 … ปี) แล้วหารด้วย NAV ล่าสุด
กองทุนปันผลเหมาะกับใคร ?

กองทุนปันผลเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการ Cash flow สำหรับไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือหากตลาดอยู่ในสภาวะขาลงหรือเกิดมีความผันผวน การได้รับปันผลมาเก็บไว้ก่อน จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการขาดทุน หรือทำให้ขาดทุนน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น โดยจุดประสงค์ของนักลงทุนแบบนี้คือต้องการ Cash flow อย่างต่อเนื่อง จึงต้องเลือกกองทุนปันผลที่มี Dividend Yield สูง ซึ่งมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม กองทุนที่มีการจ่ายปันผลมากใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะเงินปันผลที่ได้มาจากกำไรที่กองทุนทำได้ เหมือนกับกำไรที่จ่ายออกจากหุ้น หากบริษัทจ่ายปันผลมาก เงินที่จะนำกลับไปลงทุนก็น้อยลง ทำให้เงินทบต้นในกองทุนน้อยลงไปด้วย
กองทุนปันผลที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง

– ONE-SETHD : เริ่มต้นกันด้วยการลงทุนตรง หุ้นไทย 30 ตัว ในดัชนี SET-HD หุ้นใหญ่ปันผลต่อเนื่อง สม่ำเสมอ
– KKP DIVIDEND : คัดหุ้นไทยที่มีการจ่ายเงินปันผลเสม่ำเสมอ มีแนวโน้มจายเงินปันผลสูง
– SCBS & P500 : หุ้น USA ดัชนี S&P500 ลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ของ USA
– K-USXNDQ-A (D) : หุ้น USA ดัชนี NASDAQ100 เน้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่
– KF- HJAPAND : หุ้นญี่ปุ่นขนาดใหญ่ บริหารแบบแอคทีฟ กองทุกหลักกองทุนหลัก JPMorgan Japan (Yen) Fund
– SCBEUEQ : หุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx600 ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของกลุ่ม EU
– KFGBRAND-D : หุ้นทั่วโลก บริหารแบบแอคทีฟ กองทุนหลัก Morgan Stanley Global Brands Fund ลงทุนในหุ้นแบรนด์ดังทั่วโลก
– KWI HCARE-D : หุ้นกลุ่ม Health Care ทั่วโลก กองทุนหลัก Manulife Global Fund – Healthcare Fund หุ้นสุขภาพใหญ่มั่นคงสูง
– B-IR-FOF : ลงทุนตรงในหุ้นทั่วโลกหรือหน่วยลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รายได้มั่นคง
ใครที่กำลังหาช่องทางในการเพิ่มรายได้รับปีใหม่ อาจลองนำกองทุนปันผลที่นำมาฝากนี้ไปพิจารณากันดู สนใจตัวไหน หาข้อมูลศึกษารายละเอียดให้ดีด้วยนะคะ เพราะอย่าลืมว่า ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ
